สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 19-25 กรกฎาคม 2564

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร 
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,244 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,383 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.34
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,072 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 8,665 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.84
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 22,550 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,790 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,350 บาท ในสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 4.53
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 664 ดอลลาร์สหรัฐฯ (21,640 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 684 ดอลลาร์สหรัฐฯ (22,151 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.92 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 511 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 403 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,134 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 421 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,634 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.28 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 500 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 412 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,427 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 433 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,022 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.85 แต่เพิ่มขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 595 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.5901 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
     2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนกรกฎาคม 2564ผลผลิต 506.043 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 504.940 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2563/64 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.22
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือน
กรกฎาคม 2564 มีปริมาณผลผลิต 506.043 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.22 การใช้ในประเทศ 513.985 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.21 การส่งออก/นำเข้า 47.009 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก
ปี 2563/64 ร้อยละ 1.90 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 166.981 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2563/64 ร้อยละ 4.54
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล เมียนมา กัมพูชา อียู ปากีสถาน ปารากวัย ไทย ตุรกี และอุรุกวัย ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อาร์เจนตินา อินเดีย และสหรัฐอเมริกา
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไอเวอรี่โคสต์ เอธิโอเปีย อียู กินี อิหร่าน อิรัก เคนย่า
มาดากัสกา โมแซมบิค เนปาล ไนจีเรีย เซเนกัล สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่า
จะนำเข้าลดลง
ได้แก่ บราซิล จีน อินโดนีเซีย ซาอุดิอาระเบีย และแอฟริกาใต้
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินโดนีเซีย และไทย ส่วนประเทศที่คาดว่าจะมีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ บังกลาเทศ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา
     2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
          ญี่ปุ่น
          กระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (the Ministry of Agriculture, Fisheries and Forests; MAFF) ประกาศผลการประมูลนำเข้าข้าวครั้งแรก (Minimum Access (MA) tender) ของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2021-
31 มีนาคม 2022) เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจากไทยจำนวนรวม 9,460 ตัน ประกอบด้วยข้าวสารเมล็ดยาว (Non-glutinous long grain milled rice) จำนวน 7,200 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 1-30 กันยายน 2564 และข้าวเหนียวเมล็ดยาว (Glutinous long grain milled rice) จำนวน 2 ล็อต รวม 2,260 ตัน แบ่งเป็น 1,120 ตัน และ 1,140 ตัน โดยกำหนดส่งมอบวันที่ 15 ตุลาคม 2564
          ผลการประมูล ปรากฏว่า ญี่ปุ่นซื้อข้าวสารเมล็ดยาว (Non-glutinous long grain milled rice) จากประเทศไทย จำนวน 7,200 ตัน และซื้อข้าวเหนียวเมล็ดยาว (Glutinous long grain milled rice) จากประเทศไทยจำนวน 2,260 ตัน จากที่มีผู้ยื่นเสนอราคารวม 8 ราย โดยราคาที่ประมูลได้เฉลี่ยอยู่ที่ 56,651 เยนต่อตัน (ไม่รวมภาษี) (ประมาณ 515 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน) หรือ 61,183 เยนต่อตัน (รวมภาษี) (ประมาณ 556 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน)
          กระทรวงเกษตร ประมงและป่าไม้ (MAFF) ยังได้ประกาศเปิดประมูลนำเข้าข้าวแบบ CPTPP Simultaneous
Buy and Sell (SBS) tender ครั้งที่ 3 ของปีงบประมาณ 2021/22 (1 เมษายน 2021-31 มีนาคม 2022) ในวันที่
27 กรกฎาคม 2564 ซึ่งกำหนดจะซื้อข้าวจากประเทศสมาชิกกลุ่ม CPTPP จำนวน 1,040 ตัน
          ที่มา : Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
          ปากีสถาน
            กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า ในปีการตลาด 2021/22 (พฤศจิกายน 2021-ตุลาคม 2022) คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวประมาณ 8.3 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากจำนวน 8.2 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2020/21 เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพิ่มขึ้น ด้านการบริโภค คาดว่า ในปีการตลาด 2021/22 จะมีประมาณ 3.7 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากจำนวน 3.5 ล้านตันข้าวสารในปี 2020/21 เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น
          สำหรับการส่งออกข้าวในปีการตลาด 2021/22 คาดว่า จะมีประมาณ 4.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 4.3 ล้านตัน ในปี 2020/21 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีการตลาด 2020/21 (พฤศจิกายน 2020-เมษายน 2021) มีการส่งออกข้าวประมาณ 2.258 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 3.58 เมื่อเทียบกับปี 2019/20 (พฤศจิกายน 2019-เมษายน 2020)
          ทั้งนี้ ปากีสถานจะส่งออกข้าวบาสมาติปีละประมาณ 1 ล้านตัน ส่วนอีกประมาณ 3.3 ล้านตัน เป็นการ ส่งออก
ข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติ โดยตลาดหลักของข้าวบาสมาติ คือ ประเทศในสหภาพยุโรปและตะวันออกกลาง ตลาดหลักของข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติคือประเทศในแถบแอฟริกา และจีน เป็นต้น และเมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศรัสเซียได้อนุญาตให้นำเข้าข้าวจากปากีสถานได้อีกครั้งหลังจากที่ห้ามนำเข้ามาหลายปีแล้ว
          นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารระหว่างประเทศและความมั่นคงด้านอาหารแล้ว ทางการจีนได้อนุญาตให้บริษัทค้าข้าวของปากีสถานอีก 7 แห่งสามารถส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนได้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มการส่งออกข้าวของปากีสถานไปยังตลาดจีนได้มากขึ้น
          ที่มา : Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.55  บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.82 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.69 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.51 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.76
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.55 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.28 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.63 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.97 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 9.87 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.01
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 331.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,774.30 บาท/ตัน)  สูงขึ้นจากตันละ 321.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,388.76 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.12 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 385.54 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2564/65 มีปริมาณ 1,183.47 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,146.25 ล้านตัน ในปี 2563/64 ร้อยละ 3.25 โดยบราซิล จีน สหรัฐอเมริกา เวียดนาม รัสเซีย แคนาดา สหภาพยุโรป ไนจีเรีย เม็กซิโก  ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย อินเดีย และแอฟริกาใต้ มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 194.34 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 184.30 ล้านตัน ในปี 2563/64 ร้อยละ 5.44 โดยอาร์เจนตินา บราซิล สหภาพยุโรป รัสเซีย ปารากวัย และยูเครน ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น แอลจีเรีย อิสราเอล บราซิล แคนนาดา ชิลี โคลัมเบีย อียิปต์ สหภาพยุโรป กัวเตมาลา อินโดนีเซีย อิหร่าน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เม็กซิโก โมร็อกโก เปรู ซาอุดิอาระเบีย และตุรกี มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนกันยายน 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน  ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 564.00 เซนต์ (7,333.12 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชล 630.00 เซนต์ (8,140.54 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 10.48 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 807.42 บาท
 


 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.507 ล้านไร่ ผลผลิต 31.632 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 3.327 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.918 ล้านไร่ ผลผลิต 28.999 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.252 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.60 ร้อยละ 9.08 และร้อยละ 2.31 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.594 ล้านตัน (ร้อยละ 1.78 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.40 ล้านตัน (ร้อยละ 61.13 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
ผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง โดยผลผลิตมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากมีฝนตก ทั้งนี้
หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.99 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.96 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.53
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.47 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.42 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 19.37
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.53 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.05 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 14.01 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.29
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 260 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,473 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (8,420 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 483 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,741 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (15,641 บาทต่อตัน)


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2564 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกรกฎาคมจะมีประมาณ 1.661 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.299 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.940 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.349 ล้านตัน ของเดือนมิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 14.38 และร้อยละ 14.33 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 6.57 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 6.21 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.80
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 34.68 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 34.05 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.85               
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มมาเลเซียลดลง เนื่องจากปริมาณการส่งออกลดลง แต่อัตราแลกเปลี่ยนของมาเลเซียที่อ่อนค่าลงร่วมกับการขาดแคลนแรงงานยังเป็นแนวต้านราคาที่ลดลง  
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,406.72 ดอลลาร์มาเลเซีย (34.75 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 4,280.12 ดอลลาร์มาเลเซีย (33.78 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.96             
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,134.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (37.48 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,182.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (38.81 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.02
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล
  1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ
           ไม่มีรายงาน
  1. สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          ตามรายงานแนวโน้มการเกษตรของ OECD-FAO ปี 2564-2573 พบว่า อินเดียจะยyงคงส่งออกน้ำตาลจำนวนมากอย่างต่อเนื่องในปี 2564-2573 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้ำตาลทรายขาว ในขณะที่ผลผลิตน้าตาลจะสูงถึง 35.6 ล้านตัน ในปี 2573 ผลประโยชน์ทางการเมืองและการขาดแคลนน้ำอาจเพิ่มความไม่แน่นอนและบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการผลิตเอทานอลหรือนโยบายการส่งออกในขณะเดียวกัน รัฐบาลกลางของอินเดียได้ขอให้รัฐสภาอนุมัติการปล่อยเงินช่วยเหลือโรงงานน้ำตาล จำนวน 11 พันล้านรูปี (147 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับปี 2562/2563



 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ  
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,425.60 เซนต์ (17.31 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 1,448.00 เซนต์ (17.47 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.55
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 362.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.97 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 360.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.84 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.50
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 65.97 เซนต์ (48.04 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 66.77 เซนต์ (48.31 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.20


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.09 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 22.99 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.43
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 951.00 ดอลลาร์สหรัฐ (30.99 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ957.40 ดอลลาร์สหรัฐ (31.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.67 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 827.40 ดอลลาร์สหรัฐ (26.97 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 833.00 ดอลลาร์สหรัฐ (26.98 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.67 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,105.80 ดอลลาร์สหรัฐ (36.04 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,112.60 ดอลลาร์สหรัฐ (36.03 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.61 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 642.40 ดอลลาร์สหรัฐ (20.94 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 646.40 ดอลลาร์สหรัฐ (20.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.62 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,006.80 ดอลลาร์สหรัฐ (32.81 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,013.60 ดอลลาร์สหรัฐ (32.82 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.67 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 47.33 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 31.48 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.73
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
  ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 89.13 เซนต์ (กิโลกรัมละ 64.92 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 89.67 เซนต์ (กิโลกรัมละ 64.89 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.60 (แต่เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท)
   
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,831 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,562 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,039 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่ากับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  71.08 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 71.13 คิดเป็นร้อยละ 0.07 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 68.31 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 72.80 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 71.36 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 70.60 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,400 บาท ลดลงจากตัวละ 2,700 บาท คิดเป็นร้อยละ 11.11 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.60 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 34.56 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.12 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.75 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 42.91 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 10.50 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 10.25 คิดเป็นร้อยละ 2.43 ของกสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ                                                                                                                 
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 292 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 291 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.34 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 290 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 278 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 297 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 335 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 344 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 341 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.70 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 367 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 353 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 318 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 350 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 335 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 95.14 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 95.26 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.13 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 93.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 91.38 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 93.80 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 108.64 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 73.11 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 74.87 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.35 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 70.28 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน 

 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 19 – 25 กรกฎาคม 2564) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา เนื่องจากหยุดการจำหน่ายสัตว์น้ำในช่วงวันที่ 19 - 31 ก.ค. 64 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 76.56 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา เนื่องจากหยุดการจำหน่ายสัตว์น้ำในช่วงวันที่ 19 - 31 ก.ค. 64 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 136.04 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 134.94 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.10 บาท
 สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 126.67 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 133.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 6.66 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.53 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 80.85 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.32 บาท
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา เนื่องจากหยุดการจำหน่ายสัตว์น้ำในช่วงวันที่ 19 - 31 ก.ค. 64 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยสัปดาห์นี้กิโลกรัมละ 100.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา เนื่องจากหยุดการจำหน่ายสัตว์น้ำในช่วงวันที่ 19 - 31 ก.ค. 64 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.62 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
 สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา